คลาวด์คอมพิวติ้ง Cloud Computing

photography-731891_1920

ไม่ว่าคุณจะเป็นจัดตัวเองเป็นพวกโลว์เทคหรือไฮเทค แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราทุกคนกำลังอยู่ในยุคสมัยของ Cloud Computing ในขณะที่คนมากมายในโลกนี้ยังไม่รู้จักคำว่า Cloud Computing เลยแม้แต่น้อย หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินบ้าง แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมัน เพราะความจริงแล้วคุณอาจเป็นหนึ่งใน 95% ของผู้คนที่ใช้บริการระบบคลาวด์อยู่แล้ว เช่น ธนาคารออนไลน์ และเครือข่ายโซเชียล เพียงแต่ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Cloud Computing เท่านั้นเอง

.

สำหรับคนที่พอจะรู้จักศัพท์แสงทางเทคโนโลยีหรือไอที เมื่อพูดถึงคำว่า Cloud Computing อาจจะนึกถึงแค่บริการพื้นที่ฝากไฟล์บนอินเทอร์เน็ต อย่าง iCloud บน iPhone, iPad หรือ Google Drive บน Android หรือ OneDrive บนมือถือ Windows Phone ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือบริการ Cloud Storage อันเป็นบริการ Cloud ประเภทหนึ่ง แต่อันที่จริงแล้ว บริการ Cloud Computing มีความหมายกว้างขวางกว่านั้นมาก

.
Cloud Computing คือบริการที่ครอบคลุมถึงการให้ใช้กำลังประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆจากผู้ให้บริการ เพื่อลดความยุ่งยากในการติดตั้ง ดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลา และลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเอง ซึ่งก็มีทั้งแบบบริการฟรีและแบบเก็บเงิน

.
คำว่า Cloud Computing อาจทำให้บางคนคิดถึงเมฆบนท้องฟ้า เพราะหรือถ้าแปลเป็นไทยตรงตัว ก็น่าจะได้ความหมายว่า การประมวลผลบนกลุ่มเมฆ ฟังแล้วชวนให้เคลิ้มฝันอย่างบอกไม่ถูก แต่น่าจะง่ายกว่าถ้าบอกว่า Cloud Computing คือการที่เราใช้ซอฟต์แวร์, ระบบ, และทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยสามารถเลือกกำลังการประมวลผล เลือกจำนวนทรัพยากร ได้ตามความต้องการในการใช้งาน และให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลบน Cloud จากที่ไหนก็ได้

.
สิ่งที่ถูกเปรียบว่าเป็นก้อนเมฆ หรือเรียกว่า Cloud ก็คือทรัพยากรของผู้ให้บริการที่มีทั้ง Hardware และ Software ซึ่งก็ทำงานบน Hardware ของผู้ให้บริการเช่นกัน ผู้ใช้บริการเพียงแค่ต่อเชื่อมเข้าไปใช้ผ่าน Network ด้วยเว็บบราวเซอร์ หรือ Client แอพพลิเคชั่น บนอุปกรณ์ต่างๆของตน เช่น มือถือ, Tablet, Notebook, หรือ Chromebook เป็นต้น

.
ในปัจจุบันและในอนาคต ระบบ Cloud Computing จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเราอย่างเต็มรูปแบบ เพราะเป็นบริการที่ทำให้เราสามารถลดต้นทุนและลดขั้นตอนในการทำสิ่งต่างๆลงได้มหาศาล เนื่องจากเราสามารถใช้หรือเช่าใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือทรัพยากรด้านคอมพิวเตอร์ ของผู้ให้บริการ เพื่อนำมาใช้ในการทำงาน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อ Hardware และ Software เองทั้งระบบ ไม่ต้องวางระบบเครือข่ายเอง ลดความรับผิดชอบในการดูแลระบบลง เพราะผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแลให้เอง อีกทั้งตอนอัพเกรดระบบยังทำได้ง่ายกว่า ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบ ข้อมูลต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถจัดการ บริหารทรัพยากรของระบบ ผ่านเครือข่าย และมีการแบ่งใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ด้วย และการจ่ายเงินเพื่อเช่าระบบ ก็สามารถจ่ายตามความต้องการของเรา ใช้เท่าไหร่ จ่ายเท่านั้นได้ หากวันใดความต้องการมีมากขึ้นก็สามารถซื้อเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบ Cloud Computing ได้ โดยที่ไม่ต้องอัพเกรดระบบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ให้วุ่นวาย ดังนั้น ธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง รวมไปถึงสถาบันการศึกษา จึงหันมาใช้บริการ Cloud Computing ที่ทั้งช่วยลดต้นทุนและลดความยุ่งยากทั้งหลายกันมาก คล้ายกับเป็นการ Outsource งานนี้ออกไปเพื่อจะได้ Focus กับงานหลักของตนเองจริงๆ

.

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัทที่บ้านของคุณต้องการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อย่าง โฟโตช็อป ในการทำกราฟิก คุณก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อชุดซอฟต์แวร์นั้นมาใช้ที่บ้านด้วยเงินก้อนใหญ่ ซึ่งคุณยังไม่รู้ว่าใช้ได้มากน้อย คุ้มหรือไม่คุ้ม แต่สามารถเปลี่ยนมาจ่ายค่าบริการ เพื่อเข้าไปใช้งานเฉพาะช่วงเวลาที่คุณต้องการใช้ได้อย่างง่ายๆ เหมือนกับเวลาที่คุณล็อกอินเข้าไปใช้ GMail หรือ Facebook นั้นเอง โดยบริการ Cloud Computing ที่คนทั่วไปใช้กันมาก ได้แก่

.

  • Software as a Service (SaaS) – เป็นการที่ใช้หรือเช่าใช้บริการซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชั่น ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยประมวลผลบนระบบของผู้ให้บริการ ทำให้ไม่ต้องลงทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์เอง ไม่ต้องพะวงเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ เพราะซอฟต์แวร์จะถูกเรียกใช้งานผ่าน Cloud จากที่ไหนก็ได้ ซึ่งบริการ Software as a Service ที่ใกล้ตัวเรามากทื่สุดก็คือ GMail นั่นเอง นอกจากนั้นก็เช่น Google Docs หรือ Google Apps ที่เป็นรูปแบบของการใช้งานซอฟต์แวร์ผ่านเว็บบราวเซอร์ สามารถใช้งานเอกสาร คำนวณ และสร้าง Presentation โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องเลย แถมใช้งานบนเครื่องไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ แชร์งานร่วมกันกับผู้อื่นก็สะดวก
    .
  • Platform as a Service (PaaS) – สำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นนั้น หากเราต้องการพัฒนาเวบแอพพลิเคชั่นที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งรันบนเซิร์ฟเวอร์ หรือ Mobile application ที่มีการประมวลผลทำงานอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ เราก็ต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์ เชื่อมต่อระบบเครือข่าย และสร้างสภาพแวดล้อม เพื่อทดสอบและรันซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่น เช่น ติดตั้งระบบฐานข้อมูล, Web server, Runtime, Software Library, Frameworks ต่างๆ เป็นต้น จากนั้นก็อาจยังต้องเขียนโค้ดอีกจำนวนมาก แต่ถ้าเราใช้บริการ PaaS  ผู้ให้บริการจะเตรียมพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้เราต่อยอดได้เลย  พื้นฐานทั้ง Hardware, Software, และชุดคำสั่ง ที่ผู้ให้บริการเตรียมไว้ให้เราต่อยอดนี้เรียกว่า Platform ซึ่งก็จะทำให้ลดต้นทุนและเวลาที่ใช้ในการพัฒนาซอฟท์แวร์อย่างมาก ตัวอย่าง เช่น Google App Engine, Microsoft Azure ที่หลายๆบริษัทนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนและเป็นตัวช่วยในการทำงาน
    .
  • Infrastructure as a Service (IaaS) – เป็นบริการให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์อย่าง หน่วยประมวลผล ระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย ในรูปแบบระบบเสมือน (Virtualization) ข้อดีคือองค์กรไม่ต้องลงทุนสิ่งเหล่านี้เอง, ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบไอทีขององค์กรในทุกรูปแบบ, สามารถขยายได้ง่าย ขยายได้ทีละนิดตามความเติบโตขององค์กรก็ได้ และที่สำคัญ ลดความยุ่งยากในการดูแล เพราะหน้าที่ในการดูแล จะอยู่ที่ผู้ให้บริการ ตัวอย่างเช่น บริการ Cloud storage อย่าง DropBox ซึ่งให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลนั่นเอง แต่นอกจากนี้ก็ยังมีบริการให้เช่ากำลังประมวลผล, บริการให้เช่า เซิร์ฟเวอร์เสมือน เพื่อใช้ลงและรันแอพพลิเคชั่นใดๆตามที่เราต้องการไม่ว่าจะเป็น Web Application หรือ Software เฉพาะด้านขององค์กร เป็นต้น ตัวอย่างบริการอื่นๆในกลุ่มนี้ก็เช่น Google Compute Engine, Amazon Web Services, Microsoft Azure

คำถามที่ทุกคนข้องใจคือ Cloud Computing นี้ปลอดภัยแค่ไหน คำตอบคือ แม้ว่าจะไม่มีโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลใดที่ปลอดภัย 100% ในปัจจุบัน แต่ผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ก็มีข้อเสนอสถานที่ที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ใช้ ในการจัดเก็บข้อมูล โดยระดับความปลอดภัยก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสัญญาในการให้บริการ ซึ่งแน่นอนว่า การใช้ Cloud Computing แบบมีค่าใช้จ่ายก็มีแนวโน้มที่จะต้องได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยมากกว่าแบบใช้ฟรี

.
เรื่องราวของ Cloud Computing แม้จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆแล้ว หลายคนก็อาจยังส่ายหน้าบอกว่าเข้าใจยาก และไม่คิดว่าตัวเองจะเกี่ยวกับมันตรงไหน ขอบอกว่า คุณกำลังเข้าใจผิดถนัด กว่าคุณจะรู้ตัวว่า Cloud Computing สำคัญกับคุณแค่ไหน ครึ่งหนึ่งของข้อมูลในชีวิตของคุณอาจล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆเรียบร้อยไปแล้วก็ได้ เพราะปัจจุบันมีผู้ใช้ Facebook กว่า 1.2 พันล้านคนทั่วโลก ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็น 11% ของประชากรโลก และในจำนวนนั้นอาจมีตัวคุณและครอบครัวของคุณอยู่ด้วย เรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวเราเลยแม้แต่น้อย

.
Cloud computing is the delivery of computing services—including servers, storage, databases, networking, software, analytics, and intelligence—over the Internet (“the cloud”) to offer faster innovation, flexible resources, and economies of scale. You typically pay only for cloud services you use, helping you lower your operating costs, run your infrastructure more efficiently, and scale as your business needs change.

…………
อ้างอิง

https://www.it24hrs.com/2015/cloud-computing-and-cloud-definition/

https://www.lenovo.com/th

https://azure.microsoft.com/en-us/overview/what-is-cloud-computing/

 

Related posts:

You may also like...