การพึ่งพาตนเอง – Self Reliance

senior-4723737_1920-sm

แม้ว่าการอยู่ร่วมกันของผู้คนในทุกสังคมจำเป็นจะต้องมีการพึ่งพาอาศัย มีการช่วยเหลือเกื้อกูล มีการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆระหว่างกัน แต่การมีชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสระ เข้มแข็ง และปลอดภัยจากความยากลำบากทั้งปวงของคนเรานั้น จะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อเราทุกคนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองอย่างแท้จริง

.

ดังจะเห็นได้จากรูปแบบชีวิตของผู้คนในหลายประเทศที่เจริญแล้ว ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีสถานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในระดับที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ไปจนถึงบั้นปลาย โดยไม่เป็นภาระแก่รัฐ หรือเป็นภาระของบุคคลรอบข้าง มีอิสรภาพเต็มที่ในการเลือกประกอบอาชีพ การเลือกตั้งถิ่นฐาน การแสวงหาความสุข และมีโอกาสทำในสิ่งที่มีคุณค่าหรือมีความหมายสำคัญต่อชีวิตตนเองได้อย่างเสรี ไม่ต้องตกอยู่ในภาวะที่เต็มไปด้วยข้อผูกพันหรือความกดดันต่างๆจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นหนี้สิน หนี้บุญคุณ หรือความสัมพันธ์ในรูปแบบใดๆ ที่เป็นตัวถ่วงชีวิตให้ขาดอิสรภาพ

.

ด้วยพื้นฐานทางวัฒนธรรมของไทยเราที่เป็นสังคมเครือญาติเช่นเดียวกับหลายประเทศในเอเชีย และรูปแบบเศรษฐกิจของไทยเราในอดีตที่มีลักษณะเป็นสังคมเกษตรกรรม ผู้คนหลายรุ่นอยู่ร่วมกันในครอบครัวใหญ่ ช่วยกันเป็นแรงงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมครัวเรือน ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติในอดีต คนไทยเรานอกจากจะไม่อดอยากแล้วยังมีน้ำใจแบ่งปันเกื้อกูลซึ่งกันและกันภายในชุมชน ทำให้รูปแบบวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่คนไทยเราคุ้นเคยกันมามีลักษณะของการพึ่งพาอาศัยกันค่อนข้างสูง

.

แม้ในยุคปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมของไทยจะเปลี่ยนแปลงจากในอดีตที่ผู้คนเคยอยู่ร่วมกันในครอบครัวขยายมาสู่การเป็นครอบครัวเดี่ยว มีความจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองมาขึ้น แต่ก็ยังมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่ในสภาพที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ เพราะยังยึดติดอยู่กับวิถีชีวิตที่อาศัยการพึ่งพิง ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ขาดการวางแผนชีวิตที่ดีในช่วงที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว เมื่อถึงวัยชราหรือเจ็บป่วยก็ไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ หากไม่มีลูกหลานมาคอยรับภาระก็จะกลายเป็นภาระของสังคม หรือกระทั่งคนวัยหนุ่มสาวหรือเด็กวัยรุ่นก็มีพฤติกรรมเสพติดการพึ่งพาอาศัยครอบครัว เพราะคนไทยเรามีนิสัยที่เลี้ยงดูลูกไปจนโต ไม่เน้นการฝึกฝนให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตัวเอง ไม่รู้จักการหารายได้ ไม่สอนให้มีการวางแผนการหาเงิน เก็บออมเงิน หรือลงทุนด้วยตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย มีทัศนคติที่หวังให้ลูกหลานมีอาชีพเป็นเจ้าคนนายคน มักดูถูกงานบางประเภทโดยเฉพาะงานที่ต้องใช้แรงงานว่าเป็นงานที่ต่ำ

.

ทำให้เด็กไทยเราส่วนมากไม่นิยมหางานพิเศษทำในวัยเด็ก ต่างจากเด็กที่ได้รับการฝึกฝนในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว จะรู้จักทำงานหารายได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก โดยไม่เกี่ยงลักษณะงาน เช่น งานเสิร์ฟอาหาร งานเลี้ยงเด็ก งานส่งของ งานดูแลบ้าน หรือแม้แต่งานรับจ้างจูงสุนัข ทั้งที่ฐานะทางบ้านของเด็กๆเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ยากลำบาก แต่ครอบครัวก็ฝึกให้เด็กรู้จักการหารายได้เพื่อการพึ่งพาตนเอง เมื่อถึงวัยเรียนมหาวิทยาลัย นอกจากเด็กๆในหลายประเทศจะได้รับโอกาสทางการศึกษาฟรีจากสวัสดิการของรัฐ เด็กจำนวนไม่น้อยก็จะทำงานส่งเสียตัวเองเรียนเป็นเรื่องปกติ ทำให้เด็กมีอิสระเต็มที่ในการเลือกทางเดินชีวิต เพราะไม่ถูกหน่วงเหนี่ยวจากครอบครัวด้วยการเป็นหนี้บุญคุณ หรือหนี้ทางเศรษฐกิจ และในขณะเดียวกันพ่อแม่ก็มีการวางแผนชีวิตที่ไม่ได้คาดหวังการพึ่งพาอาศัยลูกหลานในช่วงบั้นปลายเช่นกัน

.

ในทางอุดมคติแล้วการพึ่งพาตัวเองให้ได้ทุกด้านย่อมเป็นเรื่องดี แต่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่ายนักสำหรับทุกคน แต่เพื่อการมีชีวิตที่มีอิสรภาพและไม่เป็นภาระของสังคม คนเราจึงควรพึ่งพาตัวเองให้ได้ในเรื่องเหล่านี้ ได้แก่ การพึ่งพาตัวเองในทางเศรษฐกิจ ทางด้านจิตใจและความสัมพันธ์ทางสังคม ทางด้านสุขภาพทั้งกายใจ และจะยิ่งดีมากหากสามารถพึ่งพาตัวเองได้ด้านการพัฒนาสติปัญญาและการแสวงหาความรู้ ซึ่งเริ่มต้นจากการกำหนดทัศนคติตนเองให้เลิกเสพติดการพึ่งพาผู้อื่นในรูปแบบที่เป็นภาระ และพยายามยืนหยัดในการพึ่งพาตัวเองให้ได้เร็วที่สุด

.

การพึ่งพาตัวเองได้ในทางเศรษฐกิจ

อาศัยการวางแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ประเมินความต้องการและความจำเป็นในการมีชีวิตอยู่ของตัวเองตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตว่า เราต้องมีรายได้ ต้นทุนหรือทรัพยากรใดบ้าง ที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตทั้งในส่วนที่เป็นความจำเป็นและความต้องการของเราให้เพียงพอโดยไม่ต้องรบกวนใคร ซึ่งแน่นอนว่า ระดับความต้องการและความจำเป็นของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งพื้นฐานที่คนเราควรมีหรือควรจัดการให้อยู่ในสถานะที่ไม่ขาดแคลนตลอดชีวิตก็คือเรื่องของปัจจัย 4 ซึ่งต้องวางแผนให้ครอบคลุมทั้งในช่วงที่เรายังเป็นคนวัยทำงานมีรายได้และในวัยเกษียณที่จะต้องมีต้นทุนเพียงพอสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิตไปจนถึงยามชรา ที่อาจจะต้องเจ็บป่วย มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้ดูแลระดับมืออาชีพแทนการยัดเยียดภาระของชีวิตตัวเองไปให้ลูกหลาน แม้จะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่โหดร้าย แต่ถ้าตั้งใจที่จะพึ่งพาตัวเองแล้วก็จำเป็นต้องวางแผนให้รอบคอบ

.

ทางด้านจิตใจและความสัมพันธ์ทางสังคม

แม้ว่าการมีชีวิตที่แวดล้อมอยู่ในสังคมที่ดี มีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับผู้คนรอบข้างจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข แต่การฝึกให้ตัวเองสามารถมีความสุขได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหรือผูกพันกับคนอื่นๆมากจนเกินไป จะทำให้เราเข้าถึงอิสรภาพในการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ เป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด (โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน) สามารถบรรลุเป้าหมายส่วนตัวที่วางไว้โดยไม่ต้องมีห่วงกังวลหรือประนีประนอมมากนัก อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาความผิดหวัง ลดความยุ่งยากด้านความสัมพันธ์ อันเกิดจากการคาดหวังในตัวผู้อื่นหรือบุคคลที่เราสัมพันธ์ด้วย ซึ่งไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เพียงแต่ฝึกวางตัววางใจให้มีสติและตระหนักได้เสมอว่า เราต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองอย่างมีความสุข และคาดหวังในบุคคลอื่นให้น้อยที่สุด

.

ทางด้านสุขภาพทั้งกายและใจ

การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง เป็นหน้าที่ซึ่งทุกคนพึงมีต่อตัวเองอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เริ่มเติบโตจนถึงบั้นปลายของชีวิต เพราะการใช้ชีวิตแบบไม่ดูแลสุขภาพ การกินดื่มที่ไม่ถูกสุขอนามัย การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การสะสมความเครียด หรือการนำพาตัวเองไปอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงอันตราย จะทำให้เรามีโอกาสเจ็บป่วย บาดเจ็บ ส่งผลให้มีร่างกายและจิตใจที่ไม่สมบูรณ์ จนไม่สามารถดูแลตัวเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ หรือบางคนต้องมีภาระด้านค่ารักษาพยาบาลมากมาย จนกระทบกระเทือนสถานะทางเศรษฐกิจ เราจึงต้องหมั่นดูแลตรวจสอบสภาพร่างกายและจิตใจของเราให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ ไม่ให้ปัญหาส่วนตัวของเรากลายไปเป็นปัญหาของครอบครัวและสังคม

.

การพัฒนาสติปัญญาและการแสวงหาความรู้

ยุคนี้เป็นยุคที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและความสำเร็จได้อย่างมากมายและง่ายกว่าในยุคอื่นๆ แต่การฝึกตัวเองให้เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้นั้นเป็นสิ่งที่เราต้องมีแรงขับเคลื่อนจากภายในตัวเอง ครอบครัวมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและปลูกฝังให้ลูกหลานมีนิสัยรักการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะคนที่เปิดหูเปิดตาแสวงหาความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ดี สามารถไขว่คว้าโอกาสเพื่อสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ ซึ่งการเรียนรู้และพัฒนาตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำเอง พ่อแม่จะรักลูกแค่ไหนก็เรียนรู้ชีวิตแทนลูกไม่ได้ คนที่สามารถเปิดรับการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตได้มากก็มีแนวโน้มที่จะมีความสุขในชีวิตมากกว่าคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้และพัฒนา

.

การเสริมสร้างทัศนคติในการพึ่งพาตนเองให้ได้เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำให้ได้โดยเร็ว เพื่อความมั่นคงทั้งในระดับบุคคลและระดับประเทศชาติ เพราะหากประชาชนพึ่งตนเองไม่ได้ ก็จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสังคมโดยรวมในทุกมิติ คนที่อยากมีชีวิตที่ดี มีความสุขสมบูรณ์ จึงต้องใส่ใจกับการพึ่งพาตัวเองให้ได้เป็นอันดับแรก และคนที่พึ่งตัวเองได้ดีก็จะสามารถเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นๆที่เรารักได้ ถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของสังคม

Related posts:

You may also like...